ติดโซ่น้ำฝนวิธีนี้ แก้ปัญหาน้ำฝนพุ่งแรงจาก OVER FLOW

สำหรับบ้านที่มีระเบียง ดาดฟ้า หรือหลังคาแบบแบนที่เจอปัญหาน้ำฝนจากทางระบายน้ำ หรือ Roof Drain ที่ไหลแรงจนพุ่ง สร้างความเสียหายให้พื้นดิน สนามหญ้า และสวน...เรามีวิธีแก้ไขที่เพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน ด้วยการติดโซ่น้ำฝน

ทำความรู้จัก OVER FLOW ที่เราจะติดโซ่น้ำฝนกันก่อน

ปกติแล้วทางระบายน้ำที่อยู่บนหลังคา slab หรือระเบียง จะมี Roof Drain เป็นช่องทางการระบายน้ำฝนมักจะออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับทางน้ำล้น หรือ Over Flow โดยทั้ง 2 สิ่งนี้ทำหน้าที่ช่วยกันระบายน้ำออกจากตัวบ้าน อาคาร ได้แก่ที่ ระเบียง ดาดฟ้า หลังคาแบบแบน เมื่อใดที่ท่อระบายน้ำบนพื้นระบายน้ำไม่ทัน เกิดน้ำล้นก็จะไหลออกจาก over flow นั่นเอง

(เส้นประสีน้ำเงิน) Roof Drain ที่หลังคาบ้าน

สำหรับในปัจจุบัน เรามักเห็นบ้านก่อสร้างใหม่หลายแห่งเลือกออกแบบใช้ over flow เป็นช่องทางระบายน้ำจากระเบียง และหลังคา slab เพียงอย่างเดียว นั่นเพราะช่วยประหยัดต้นทุนในการก่อสร้างได้ และยังสะดวกต่อการดูแลรักษาด้วย

(เส้นประสีน้ำเงิน) Roof Drain

ติดโซ่น้ำฝน แก้ปัญหาน้ำฝนพุ่งแรงจาก Overflow ได้อย่างไร?

เมื่อฝนตก น้ำฝนที่สะสมอยู่บนหลังคา ดาดฟ้า หรือระเบียง จะไหลตามระดับความลาดเอียงของพื้นไปยังจุดระบายน้ำ หากฝนตกเบา ๆ น้ำที่ไหลผ่าน overflow ก็จะไม่มาก แต่หากฝนตกหนักมีปริมาณน้ำมาก น้ำฝนก็จะพุ่งจาก Overflow ออกไปไกลจากตัวบ้าน หรือบางครั้งอาจพุ่งข้ามรั้วบ้านกันเลยทีเดียว

ลักษณะการไหลพุ่งของน้ำฝนจาก Over flow

การติดโซ่น้ำฝน แก้ปัญหาน้ำฝนพุ่งแรงที่บริเวณ Over flow จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม เป็นกล่องอลูมิเนียมที่มีปลายปิด และมีรูเพื่อใส่อแดปเตอร์โซ่น้ำฝนเพื่อบังคับให้น้ำฝนที่ไหลเข้ามาจะระเบียง ดาดฟ้า และหลังคาไหลลงตามรูมายังโซ่น้ำฝน

ลักษณะของกล่องอลูมิเนียมที่ต่อจาก Over flow มีรูปทรงเหลี่ยม ดูเข้ากับงานออกแบบของบ้านยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

สำหรับความของกล่องอลูมิเนียมว่าจะต้องใช้ยาวเท่าไร ลูกค้าก็สามารถกำหนดระยะได้ว่าต้องการแขวนโซ่น้ำฝนให้ห่างจากผนังเท่าไร กี่ ซม. โดยปกเป็นผนังทึบปกติระยะห่างประมาณ 20 - 30 ซม. ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่หากตำแหน่งแขวนโซ่น้ำฝนอยู่ใกล้กับผนังกระจก หน้าต่าง ก็อาจะให้ระยะสัก 30 - 40 ซม. เพื่อความปลอดภัย

การติดตั้งกล่องอลูมิเนียมของเราทำโดยช่างผู้ชำนาญ

ใช้อะไรเป็นรองรับน้ำดี เมื่อติดโซ่น้ำฝนแล้ว

คำถามต่อมาที่พบกันบ่อยคือ เมื่อต่อโซ่น้ำฝนลงมาแล้วต้องมีอะไรมารองรับน้ำฝนหรือเปล่า ซึ่งก็ต้องดูกันว่าพื้นบริเวณนั้นเป็นอะไร ถ้าหากเป็นพื้นปูน หรือเป็นพื้นปูกระเบื้องก็สามารถปล่อยให้น้ำฝนพื้นได้เลย

แต่หากพื้นด้านล่างเป็นพื้นดิน หรือสนามหญ้า ก็ไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนจากโซ่ลงไปจุดนั้นโดยตรง เรามีแนวทางการรับน้ำฝนที่นิยมใช้มาฝากกัน 3 แบบ

ปล่อยลงบ่อพักน้ำโดยตรง

หากตำแหน่งติดโซ่น้ำฝนของคุณอยู่ตรงกับบ่อพักน้ำ ก็สามารถปล่อยให้น้ำฝนลงไปยังบ่อพักน้ำได้โดยตรง น้ำฝนจะเข้าสู่ระบบระบายน้ำของบ้านได้โดยตรง

ปล่อยน้ำฝนให้ไหลตรงลงบ่อพักน้ำ

ใช้โอ่ง อ่างปูน หรือกระถางเพื่อรับน้ำฝน

วิธีที่นิยมไม่แพ้กันคือใช้ของตกแต่งสวน เช่น โอ่งน้ำ อ่างปูน และกระถางมารับน้ำฝนที่ไหลมาพร้อมกับโซ่น้ำฝนได้เรียบร้อย โดยเราสามารถเลือกใช้โอ่ง กระถาง อ่างปูน ที่มีรูปทรง ลวดลาย และขนาดที่ดูแล้วเหมาะสมได้ตามชอบ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของบ้าน และสวนมากที่สุด

สำหรับวิธีการระบายน้ำจะใช้วิธีปล่อยให้น้ำค่อย ๆ ล้นจากโอ่งไปก็ได้ หรือจะต่อท่อ pvc เพื่อนำน้ำฝนไประบายลงบ่อพักโดยตรงก็ได้เช่นกัน

หรือจะใช้น้ำฝนในโอ่งไว้รถน้ำต้นไม้ในสวนก็ยังได้

แนวทางการใช้โอ่ง อ่างปูน และกระถางเพื่อรับน้ำฝน

ใช้หินรับแรงกระแทกของน้ำ

อีกหนึ่งวิธีที่นิยมไม่แพ้กัน คือ โรยหินเพื่อรับแรงกระแทกของน้ำ โดยหินที่เลือกสามารถใช้ได้ทั้งเป็นกรวดแม่น้ำ หรือแผ่นหินก้อนใหญ่ แผ่นหินทางเดิน แต่วิธีนี้เจ้าของบ้านต้องคอยหมั่นสังเกตุว่าน้ำไหลไปยังจุดใด มีน้ำขังตามพื้นหรือไม่

แนวทางการใช้หินเพื่อรับน้ำฝน

แนวทางการแก้ปัญหาน้ำฝนพุ่งจาก Overflow นั้นสามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่เรานำเสนอเป็นเพียงวิธีหนึ่งเท่านั้น เพราะนอกจากใช้โซ่น้ำฝนแล้วยังสามารถต่อท่อระบายน้ำฝนสวมเข้าช่อง overflow ได้เลย